อาการสมองล้า หรือ Brain fog &nbsp; นั่นก็คือ ภาวะสมองที่เกิดการล้า ตื้อๆ ตึงๆ ไม่มีสมาธิ เปรียบเสมือนมีหมอกมาปกคลุมสมองของเรานั่นเอง🧠ซึ่งมีสาเหตุหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะจากทางกาย ทางใจ หรือมาจากโรคประจำตัวก็ได้เช่นกัน&nbsp;แล้วภาวะ Brain fog มันเกี่ยวกับไมเกรนของเรายังไงล่ะ?!Dr.Seng ได้บอกไว้ว่า Brain fog เกี่ยวกับคลื่น CSD ที่ทำให้เกิดออร่า เมื่อคลื่นนี้เกิดการวิ่ง จะทำให้สมองของเราคิดได้ช้าลง คิดคำไม่ค่อยออกได้&nbsp;ซึ่งอาการนี้สามารถเป็นได้นานถึง 24 ชั่วโมง ทั้งในช่วงก่อนที่ไมเกรนจะมา และหลังจากที่อาการปวดศีรษะหายไปนั่นเองแต่ชาวไมเกรนหลายๆคนอาจจะเกิดความกังวลใจได้ว่า การที่เกิดภาวะนี้บ่อยๆ ในระยะยาวจะทำให้เราเสียความทรงจำไปเลยมั้ย หรือทำให้กระบวนการคิดของเราแย่ลงรึป่าว ซึ่งจากงานวิจัยได้บอกไว้ว่า ไมเกรนไม่ได้ทำให้กระบวนการคิดของเราแย่ลงนะชาวไมเกรน&nbsp;วิธีการรับมือกับภาวะ Brain fog นั่นก็คือต้องจัดระเบียบตารางเวลาในแต่ละวัน และอย่าลืมใช้การจดบันทึกกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อป้องกันการหลงลืมอย่าลืมพักผ่อน พยายามทำให้ร่างกายของเรามี Work life balance จะช่วยให้ลดภาวะนี้ลงได้เช่นกัน&nbsp;เพราะเราอยากให้ชาวไมเกรนกลับมายิ้มได้อีกครั้ง&nbsp;&nbsp;

ใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง? ปวดหัวด้วย คิดอะไรก็ไม่ค่อยออก รู้สึกสมองล้าๆ นี่มันคืออาการของไมเกรนร่วมด้วยหรือเปล่านะ⁉️ อาการสมองล้า หรือ Brain fog นั่นก็คือ ภาวะสมองที่เกิดการล้า ตื้อๆ ตึงๆ ไม่มีสมาธิ เปรียบเสมือนมีหมอกมาปกคลุมสมองของเรานั่นเอง ซึ่งมีสาเหตุหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะจากทางกาย ทางใจ หรือมาจากโรคประจำตัวก็ได้

Brain fog ภาวะสมองล้า

ถ้าคุณได้มีโอกาสรู้จักเจ้าไมเกรนแล้ว ก็มีโอกาสสูงมากที่คุณจะได้รู้จักกับเพื่อนที่เป็นโรคร่วมของโรคไมเกรนอีกด้วย โรคร่วมเหล่านี้ มีทั้งโรคจากทางจิตใจ และ โรคจากทางกาย &nbsp;วันนี้สไมล์ ไมเกรน เราจะมาเล่าให้ฟังกันว่า เพื่อนร่วมโรคของเจ้าไมเกรนมีอะไรกันบ้าง.1. โรคซึมเศร้าซึมเศร้าเป็นโรคที่พบได้บ่อยถึง 40% เลยในคนไมเกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นไมเกรนเรื้อรัง (ปวดมากกว่า 15 วันต่อเดือน) จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีก 2 เท่าเลยทีเดียว หรือในคนไข้บางคนอาจจะมีอาการซึมเศร้ามาก่อนไมเกรนก็เป็นได้ เนื่องจาก ทั้งสองโรคนี้มีความเหมือนกันเกี่ยวเนื่องกับสารเคมีในสมองอย่าง ซีโรโทนิน (Serotonin)2. โรควิตกกังวลสำหรับชาวไมเกรนที่เป็นไมเกรนเรื้อรัง มีแนวโน้มที่จะเป็นโรควิตกกังวลมากกว่าซึมเศร้าเสียอีก และโรคไมเกรนและโรควิตกกังวล เป็นความสัมพันธ์แบบสองทิศทาง “เป็นไมเกรนแล้ววิตกกังวล พอวิตกกังวล ก็เป็นไมเกรน”.ตามรายงานของ American Migraine Foundation พบว่ากว่า 50% ของชาวไมเกรนมักมีภาวะวิตกกังวลร่วมด้วย จะไม่ให้กังวลได้ไงอ่ะเนอะ เพราะเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่มันจะปวดนี่หน่า3. โรคหลอดเลือดสมองตีบจากการศึกษาในงานวิจัยหลายฉบับพบ ความเชื่อมโยงระหว่างโรคไมเกรนและโรคหลอดเลือดสมองตีบ โดยเฉพาะชาวไมเกรนที่มักมีอาการมีอาการนำ (Migraine with aura) จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่าเลยทีเดียว&nbsp;.และความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อชาวไมเกรนคนนั้นเป็นผู้หญิงที่สูบบุหรี่ และทานยาคุมกำเนิด ดังนั้น วิธีลดความเสี่ยงดังกล่าว คือการควบคุมความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และระดับคอเลสเตอรรอล ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดีไม่ดี ออกกำลังกายบ่อยๆ ไมเกรนก็หายไปด้วยนะเอ่อ4. โรคหัวใจนอกจากโรคร้ายที่น่ากลัวอย่างโรคหลอดเลือดสมองแล้ว ชาวไมเกรนทั้งผู้ชายผู้หญิงที่มีอาการนำ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจเช่นกัน OMG!5. โรคอ้วน&nbsp;พูดแล้วเจ็บปวดกับคำว่า “อ้วน” จริงๆ แต่ชาวไมเกรนที่มีน้ำหนักเกิน จะทำให้ไมเกรนของคุณแย่ลงได้นะ&nbsp;.ภาวะอ้วน นั้นหมายถึง การที่เกิดการสะสมไขมันในชั้นเนื้อเยื่อเยอะจนเกินไปซึ่งวิธีการดูว่าเรามีภาวะอ้วนหรือไม่ เราจะคำนวณจากค่าดัชนีมวลกาย (BMI)โดยสามารถคำนวณจาก น้ำหนัก (kg.) / ส่วนสูง (cm.)2.ของคนเอเชีย ถ้าดัชนีมวลกายมากกว่า 25 ขึ้นไป จะถือว่ามีภาวะอ้วน.ภาวะอ้วน จะเกี่ยวกับเซลล์ไขมัน ที่อยู่บริเวนหน้าท้อง ต้นขา หรือแม้กระทั่งแก้มน้อยๆของเราจะสร้างโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เราเรียกว่า Adiponectin.จะไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการอักเสบของร่างกาย และหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการปวดได้.จากการศึกษาในงานวิจัยหนึ่ง พบว่า กลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินที่เป็นไมเกรนหลังจากที่ได้รับการผ่าตัดลดความอ้วนและลดน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 66 ปอนด์ หรือประมาณ 29 กิโลกรัม ทำให้ไมเกรนลดความถี่ลงได้ด้วยนะ6. โรคพังผืดกล้ามเนื้ออักเสบพังผืดกล้ามเนื้ออักเสบ มักจะมากับ “จุดกดเจ็บ (trigger point)” เป็นจุดที่ไวต่อแรงกดมากๆ และอาจมีปวดร้าวลามไปบริเวณอื่นของร่างกายได้ เราเรียกกันว่า “referred pain” (refer นั่นก็แปลว่า ส่งต่อ)อย่างที่ชาวไมเกรนหลายๆคนเคยเป็น กดที่บ่า ปวดร้าวไปท้ายทอยหรือขมับ.มีนักวิจัย Calandre และคณะ ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับตัว Trigger point คนไข้ไมเกรน พบว่าจำนวนของจุดกดเจ็บ จะสัมพันธ์กับความถี่และความรุนแรงของอาการปวดศีรษะไมเกรนนั่นเอง นั่นก็หมายความว่า ถ้ายิ่งจุดกดเจ็บของเรามีปริมาณที่มาก จะทำให้ความถี่และความรุนแรงของอาการปวดศีรษะไมเกรน ก็จะมีระดับที่สูงไปด้วย7. โรคภูมิแพ้คนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะเข้าใจ เป็นทีนึง น้ำมูกน้ำตาไหลเหมือนเขื่อนแตก มันเนื่องมาจากเส้นประสาท parasympathetic ถูกกระตุ้นนั่นเอง&nbsp;.สามารถเป็นได้ทั้งข้างเดียว หรือ สองข้าง ในงานวิจัยหนึ่ง พบได้มากถึง 20% ที่ตาบวมๆ เหมือนคนร้องไห้8. โรคนอนกรน“ภาวะนอนกรน” มักจะสัมพันธ์กับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งสามารถเพิ่มความถี่ของอาการปวดศีรษะไมเกรนได้ นั่นเป็นเพราะ สมองของเราอาจจะได้รับออกซิเจนที่ไม่เพียงพอนั่นเอง&nbsp;การรักษาโรคร่วมไมเกรนควบคู่ไปกับการรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรน ถือว่ามีความสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคร่วมทางกายหรือโรคทางจิตใจ.เพราะบางที สิ่งกระตุ้นบางตัว อาจจะทำให้เพิ่มความรุนแรงทั้งสองโรคได้ อย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ ความเครียด ความวิตกกังวล เหมือนเป็นความสัมพันธ์สองทิศทาง.และบางครั้งการที่เรามีโรคร่วมอื่นๆ ด้วย จะทำให้แพทย์พิจารณาใช้ยาป้องกันได้เหมาะสมกับตัวเรามากขึ้นและสามารถช่วยรักษาได้ทั้ง 2 โรค เช่น ยาในกลุ่มต้านเศร้า หรือแม้กระทั่งยาตัวไหนที่มีผลข้างเคียงในเรื่องของทำให้เกิดภาวะทางอารมณ์มากขึ้น แพทย์ก็จะเลี่ยงการจ่ายยาตัวนั้น อย่างเช่น ยา Flunarizine มีผลข้างเคียงในเรื่องของเสี่ยงซึมเศร้าได้ง่ายมากขึ้น จึงมีข้อควรระวังในการใช้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั่นเอง.การแจ้งและปรึกษาคุณหมอ จึงมีสิ่งสำคัญมากๆ เพื่อให้การรักษาไมเกรนเหมาะสมกับเรามากขึ้นและโรคร่วมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง<a href="https://onelink.to/fq5kra"><img src="https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4/Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4.png" alt="Footer Tele Blog - Surat.png" srcset="https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/thumbnail_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4/thumbnail_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4.png 245w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/small_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4/small_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4.png 500w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/medium_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4/medium_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4.png 750w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/large_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4/large_Footer_Tele_Blog_Surat_7f95b66ff4.png 1000w," sizes="100vw" width="1000px"></a>แหล่งที่มาhttps://www.webmd.com/migraines-headaches/can-migraines-lead-to-other-health-conditionshttps://www.health.com/condition/headaches-and-migraines/migraine-pain-depression-stroke

นอกจากอาการปวดศีรษะแล้ว โรคปวดศีรษะไมเกรนยังอาจเพิ่มโอกาสการเกิดโรคร่วมอื่นๆ ได้อีก เช่น ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคลมชัก โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
การศึกษาพบว่าผู้ป่วยโรคปวดศีรษะไมเกรนมีความเสี่ยงในการเกิดโรคร่วมเหล่านี้เพิ่มขึ้น 10-20% 

โรคไมเกรน มักเป็นที่รักของโรคอื่น

แอดเชื่อเหลือเกินว่าชาวไมเกรนกว่าส่วนใหญ่ มักมีปัญหานอนหลับยาก หรือบางวันก็นอนไม่หลับเลยซึ่งสาเหตุหลักๆ มักจะมาจากความเครียด ความกังวล คิดมาก หรือมีเรื่องทุกข์ใจ แต่อีกหนึ่งพฤติกรรม อาจจะมาจากการเล่นมือถือก่อนเข้านอนได้นะ.เนื่องจากแสงสีฟ้าจากหน้าจอจะทำให้ต่อมไพเนียล (pineal gland) สร้างสารเมลาโทนิน (melatonin) น้อยลง มีผลต่อ circadian rhythm หรือนาฬิกาชีวิต ทำให้นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิทได้นั่นเอง.ก่อนอื่นเราจะมาทำเข้าใจกันก่อนว่า โรคนอนไม่หลับมันคืออะไรกันนะ?โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) คือภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท และใช้เวลานานมากกว่า 20 นาทีถึงจะนอนหลับ.ในระยะยาวของการเกิดภาวะนอนไม่หลับ อาจจะส่งผลต่อปัญหาทางด้านความทรงจำ อารมณ์ และภูมิคุ้มกันได้นะชาวไมเกรน.โรคนอนไม่หลับสามารถแบ่งหลายแบบมากๆ แต่วันนี้ ทีมสไมล์ ไมเกรน จะพามาดูการแบ่งตามลักษณะช่วงเวลาของการนอนไม่หลับกัน<ol><li>Initial insomnia : ภาวะที่ผู้ป่วยใช้เวลานอนนานกว่าจะหลับ อาจสัมพันธ์กับภาวะวิตกกังวล</li><li>Maintinance insomnia : ภาวะที่ไม่สามารถนอนหลับได้ยาวนาน มีตื่นกลางดึกบ่อย อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาทางกาย เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ</li><li>Terminal insomnia : ภาวะที่ผู้ป่วยตื่นเร็วกว่าเวลาที่ควรจะตื่น</li></ol>.วันนี้สไมล์ ไมเกรนจะพาชาวไมเกรนมาติ๊กเช็คลิสกัน ว่าต้องนอนไม่หลับขั้นไหนถึงเรียกว่าเป็น “โรคนอนไม่หลับ” กับ 9 ข้อสัญญาณเตือน ว่าคุณอาจมีโรคร่วมเป็นโรคนอนไม่หลับ<ol><li>หัวถึงหมอนแล้ว แต่กว่าจะนอนได้ก็ใช้เวลามากกว่า 30 นาที อันนี้ไม่นับว่านอนดูซีรี่นะ อันนี้ยาวกว่า 30 นาทีแน่นอน</li><li>แม้จะนอนหลับครบ 7-8 ชั่วโมง แต่ระหว่างวัน เรายังเพลีย อ่อนล้า ไม่สดชื่น พาลทำให้หงุดหงิดง่าย</li><li>ตื่นระหว่างคืนบ่อย ในแต่ละคืนก็หลายครั้ง</li><li>ง่วงนอนตลอดเวลา และงีบหลับระหว่างวันบ่อยๆ&nbsp;</li><li>สมองไม่ปลอดโปร่ง มึนงง สมาธิสั้น จนทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง</li><li>หลับกลางอากาศบ่อยๆ อย่างดูทีวีอยู่ดีๆ หลับเฉยเลย&nbsp;</li><li>มีภาวะนอนกรน หายใจหอบดังขณะนอนหลับ</li><li>ตื่นเช้ามาก แม้จะนอนดึกขนาดไหนก็ตาม</li><li>ชีวิตนี้ขาดกาแฟไม่ได้เลย เพื่อกระตุ้นให้ตื่นตัวตลอดเวลา</li></ol>.อ้างอิงจาก American Headache Society ได้บอกไว้ว่า มากกว่า 2 ใน 3 ของชาวไมเกรนมักมีโรคนอนไม่หลับร่วมด้วย และสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นไมเกรนเรื้อรังในอนาคตได้นะ.เอ้า ลองเช็คกันหน่อยว่า ตรงกับเรากี่ข้อ ถ้าใครเกินครึ่งนี่ต้องระมัดระวังไว้ ว่าเราอาจจะมีโรคร่วมไมเกรนเพิ่มมาอีก 1 โรค นอกจากไมเกรนแน่ๆเลย แบบนี้ต้องค่อยๆปรับพฤติกรรมการนอนให้มีคุณภาพมากขึ้นน้า.นอกจากนั้น สามารถพิจารณาพบคุณหมอได้ เพื่อทำการวินิจฉัยโรคอย่างละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยที่คุณหมอจะทำการซักประวัติเกี่ยวกับการนอนหลับ สภาวะร่างกายและจิตใจ นอกนั้นคุณหมออาจจะขอให้ทางผู้ป่วยทำแบบบันทึกการนอน เพื่อทำให้รู้ลักษณะการนอนได้ดีขึ้นนั่นเอง.การรักษาโรคนอนไม่หลับ มีหลักๆ อยู่ 2 แบบ<ol><li>แบบไม่ใช้ยา : จะเน้นในเรื่องของการปรับพฤติกรรมเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น&nbsp;</li></ol>- เข้านอนและตื่นตรงเวลา- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ- เลี่ยงการใช้เครื่องมือสื่อสารก่อนเข้านอนประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง- สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะกับการนอน ทั้งในเรื่องของแสง เสียง และอุณหภูมิ- เลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นก่อนเข้านอน เช่น เล่นเกมส์ ดูหนัง เป็นต้น.<ol><li>แบบใช้ยา :</li></ol>- ยานอนหลับ และยากลุ่มนี้ มักจะมีผลข้างเคียงในเรื่องของง่วงซึมต่อเนื่องมาถึงช่วงเช้า กระบวนการคิด ตัดสินใจลดลง สับสน เบลอได้.ซึ่งยากลุ่มนีต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน และเป็นผู้จ่ายเท่านั้น เนื่องจากการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องอาจจะทำให้เกิดอันตราย หรือเกิดภาวะติดยาได้.- ยากลุ่ม Melatonin เป็นสารสังเคราะห์ที่จะช่วยให้เกิดการนอนหลับ และทดแทนเมลาโทนินในร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่เหมาะสมได้.ใครกำลังมองหาตัวช่วย แนะนำเลย Melatonin Gummie ขนาด 5 mg นำเข้าจากประเทศอเมริกา โดยเมลาโทนินตัวนี้อยู่ในรูปแบบของ เยลลี่รสสตอร์เบอรี่ ทานครั้งละ 1-2 เม็ดก่อนเข้านอน 10-20 นาที สำหรับคนที่ต้องการปรับการนอนให้ทานต่อเนื่องประมาณ 3-4 วันก่อน เพื่อให้ร่างกายได้เริ่มปรับตัว หลังจากนั้นสามารถทานเฉพาะวันที่นอนไม่หลับได้นะ.ผลข้างเคียงของการทานเมลาโทนิน ที่สามารถพบได้นั่นก็คือ ง่วงนอนระหว่างวัน เวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้อาเจียนได้.การรักษาโรคนอนไม่หลับ ควรทำใต้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากการพิจารณาทานยาต้องดูเฉพาะบุคคลนั่นเอง <a href="https://onelink.to/fq5kra"><img src="https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2/Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2.png" alt="Footer Tele Blog - Ai (6).png" srcset="https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/thumbnail_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2/thumbnail_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2.png 245w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/small_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2/small_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2.png 500w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/medium_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2/medium_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2.png 750w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/large_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2/large_Footer_Tele_Blog_Ai_6_9c8fdbe1c2.png 1000w," sizes="100vw" width="1000px"></a>&nbsp;

โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) คือภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท และใช้เวลานานมากกว่า 20 นาทีถึงจะนอนหลับ สาเหตุหลักๆ มักจะมาจากความเครียด ความกังวล คิดมาก ระยะยาวจะกระทบต่อความคิด ความทรงจำ ภูมิคุ้มกัน กรณีที่เกิดร่วมกับชาวไมเกรน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นไมเกรนเรื้อรังได้ มากกว่า 2 ใน 3 ของชาวไมเกรน มักมีโรคนอนไม่หลับร่วมด้วย และสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นไมเกรนเรื้อรังได้

สัญญาณเตือน ว่าคุณเป็นโรคนอนไม่หลับ

เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจกับข่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่นักเรียนหญิงอายุ 14 ด้วยปัญหาทางบ้านจนทำให้เกิดเป็นโรคซึมเศร้าและจบชีวิตตัวเองลง.ปัญหาเรื่องสุขภาพจิต โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า จะเกี่ยวข้องกับระดับสารซีโรโทนินที่ต่ำกว่าปกติ เป็นปัญหาสุขภาพที่เราไม่ควรมองข้าม ยิ่งในยุคปัจจุบัน ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้มันมีมากมาย โรคบางโรคก็ทำให้เกิดภาวะเช่นนี้ได้เหมือนกัน อย่างโรคปวดศีรษะไมเกรน ผู้ป่วยไมเกรนมักจะมีโรคร่วมเป็นโรคซึมเศร้าได้มากถึง 40% เชียวนะ&nbsp;.ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เราจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงง่ายๆ ได้ทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านอารมณ์ ด้านการนึกคิด ด้านพฤติกรรม และอาการทางด้านร่างกายต่างๆ.อาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า อาจจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นเดือนๆ หรือรวดเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์ ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน.นอกจากนั้น ในปี ค.ศ. 2010 นักวิจัย ได้รวบรวมข้อมูลของ รหัสพันธุกรรมชื่อ serotonin 5-HTTLPR polymorphism ที่มันจะคอยทำหน้าที่ในการรับส่งสารซึมเศร้า.คนที่มียีนนี้ผิดปกติ จะเกิดซึมเศร้าได้ง่าย.แต่มันไม่ใช่ แค่ซึมเศร้าหนะสิ เพราะเจ้ารหัสพันธุกรรมนี้ดันทำให้เกิดไมเกรน มากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า โดยเฉพาะในผู้หญิงอีกด้วย.ตัวโรคไมเกรนเองนั้น ด้วยความทุกช์ทรมานของโรคที่ต้องปวดหัว ยังทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ วันดีคืนดีก็กังวลว่ามันจะปวดขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ แล้วแบบนี้จะไม่ให้จิตใจห่อเหี่ยวเป็นซึมเศร้าได้อย่างไรกัน&nbsp;.วันนี้ทีมสไมล์ไมเกรน ได้เอาบทความจาก Medical News Today มาเล่าให้ชาวไมเกรนได้ฟังกัน ถึงหลักฐานที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างไมเกรนและปัญหาสุขภาพจิต (Mental Health)&nbsp;.จากการสำรวจในผู้ใหญ่กว่า 6,000 คน พบว่าผู้ที่เป็นไมเกรนมีความเสี่ยงมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตมากว่าผู้ที่ไม่เป็นไมเกรนถึง 2 เท่า และผู้ที่เป็นไมเกรนจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าผู้ที่ไม่เป็นถึง 5 เท่า&nbsp;.ซึ่งสัดส่วนแนวโน้มการเกิดโรคนี้เป็นผลมาจากความถี่ของอาการปวดศีรษะไมเกรนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นไมเกรนเรื้อรัง ปวดบ่อยมากกว่า 15 วันต่อเดือน ติดต่อกันเกิน 3 เดือน (Journal of Neurology, Neurosurgery &amp; Psychiatry)&nbsp;.นอกจากนี้ ผู้ป่วยไมเกรนประมาณ 1 ใน 3 จะมีโรคร่วมเป็นโรคไบโพล่า และผู้ป่วยไบโพล่ากว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้ป่วยไมเกรน&nbsp;.วันนี้ทีมสไมล์ ไมเกรน จะพามาทำความรู้จักกับโรคไบโพล่าเพิ่มเติมกันโรคไบโพล่า จะแบ่งออกเป็น2 อาการหลัก ได้แก่ อารมณ์คลุ้มคลั่ง และ อารมณ์ซึมเศร้า# อารมณ์คลุ้มคลั่ง (Manic episode) ช่วงนี้จะมีอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ คิดฟุ้งซ่าน# อารมณ์ซึมเศร้า (Depressive episode) ในช่วงนี้จะมีอาการซึมเศร้า เบื่ออาหาร รู้สึกไร้ค่า.จะเห็นได้ว่า หากเป็นไมเกรนได้หนึ่งโรคแล้ว จะมีเพื่อนโรคร่วมเต็มไปหมดโดยเฉพาะ โรคที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต ทั้งนี้จากการศึกษาแล้วพบกว่า ไม่ว่าผู้ป่วยจะปวดด้วยโรคใดโรคหนึ่งก่อน ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 โรคจะแน่นแฟ้นและค่อยๆ พัฒนาไปด้วยกัน หรือเราเรียกว่าเป็นเหมืแนความสัมพันธ์ 2 ทิศทาง.และที่ตลกร้ายที่สุด จากผลการศึกษาคนในครอบครัวที่เป็นพี่น้องกันในปี 2021 พบว่า ผู้ที่มีพี่น้องที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้ามากถึง 40% มากกว่าผู้ที่ไม่มีพี่น้องที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน&nbsp;.แม้ว่าโรคปวดศีรษะไมเกรนจะเกิดขึ้นเองก็ตาม สอดคล้องกับผลการศึกษาที่ไปในทิศทางเดียวกันของผู้ที่มีมีพี่น้องเป็นโรคซึมเศร้าจะมีแนวโน้มเป็นโรคปวดศีราะไมเกรนมากกว่า 45%.จะว่าไปแล้วสาเหตุหลักอาจเกิดมาจากพันธุกรรม เพราะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้เราเป็นไมเกรน ได้มากถึง 60% หรือมาจากปัจจัยกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมในครอบครัว หรือทั้งสองอย่างร่วมกันก็เป็นได้&nbsp;.นั่นหมายความว่า ในเรื่องของการรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรน ควรที่จะทำไปพร้อมๆ กับการรักษาโรคร่วมนั่นเอง.เพราะบางที สิ่งกระตุ้นบางตัว อาจจะทำให้เพิ่มความรุนแรงทั้งสองโรคได้ อย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ ความเครียด ความวิตกกังวล เหมือนเป็นความสัมพันธ์สองทิศทาง.และบางครั้งการที่เรามีโรคร่วมอื่นๆ ด้วย จะทำให้แพทย์พิจารณาใช้ยาป้องกันได้เหมาะสมกับตัวเรามากขึ้นและสามารถช่วยรักษาได้ทั้ง 2 โรค เช่น ยาในกลุ่มต้านเศร้า หรือแม้กระทั่งยาตัวไหนที่มีผลข้างเคียงในเรื่องของทำให้เกิดภาวะทางอารมณ์มากขึ้น แพทย์ก็จะเลี่ยงการจ่ายยาตัวนั้น อย่างเช่น ยา Flunarizine มีผลข้างเคียงในเรื่องของเสี่ยงซึมเศร้าได้ง่ายมากขึ้น จึงมีข้อควรระวังในการใช้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั่นเอง.การแจ้งและปรึกษาคุณหมอเฉพาะทาง จึงมีสิ่งสำคัญมากๆ เพื่อให้การรักษาไมเกรนเหมาะสมกับเรามากขึ้นและโรคร่วมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนะชาวไมเกรน.<a href="https://onelink.to/fq5kra"><img src="https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c/Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c.png" alt="Footer Tele Blog - Ai (4).png" srcset="https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/thumbnail_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c/thumbnail_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c.png 245w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/small_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c/small_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c.png 500w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/medium_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c/medium_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c.png 750w,https://storage.googleapis.com/smile-migraine-image-public-prod/strapi-cms/large_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c/large_Footer_Tele_Blog_Ai_4_27aa444a4c.png 1000w," sizes="100vw" width="1000px"></a>ขอบคุณบทความดีๆ จาก <a href="https://www.medicalnewstoday.com/articles/evidence-connecting-migraine-and-mental-health#lifestyle-changes">https://www.medicalnewstoday.com/articles/evidence-connecting-migraine-and-mental-health#lifestyle-changes</a><a href="https://www.rama.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-1017">https://www.rama.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-1017</a>

ปัญหาสุขภาพที่เราไม่ควรมองข้าม ยิ่งในยุคปัจจุบัน ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้มันมีมากมาย โรคบางโรคก็ทำให้เกิดภาวะเช่นนี้ได้เหมือนกัน อย่างโรคปวดศีรษะไมเกรน ผู้ป่วยไมเกรนมักจะมีโรคร่วมเป็นโรคซึมเศร้าได้มากถึง 40% 

หลักฐานการเชื่อมโยงกันระหว่าง ไมเกรนและปัญหาสุขภาพจิต (Mental health)

อย่างที่ใครๆ บอก “การมีความสุข” มักจะทำให้เกิดสิ่งดีๆ ตามมาเสมออาจเป็นคำกล่าวที่ชาวไมเกรนหลายๆ คน คงจะแอบได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่เชื่อเหลือเกินเลยว่า&nbsp;.เวลาคนเรามีความสุขแล้ว อะไรๆ มักจะดีไปหมดแหละ เราก็จะคิดดี มองอะไรก็สดใส&nbsp;และนั่นก็เพราะร่างกายเรากำลังหลั่งสารเคมี หรือที่เราเรียกว่า “ฮอร์โมน” ของความสุขอยู่.การที่เรามีสมดุล ทางความคิด ทางอารมณ์ความรู้สึก ก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เราสุขภาพดีได้นั่นเอง.ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า “ฮอร์โมน” กันก่อน ว่ามันคืออะไรกัน?.ฮอร์โมน ก็คือ สารเคมีที่ผลิตโดยต่อมไร้ท่อต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งหนึ่งในหน้าที่ของเจ้าฮอร์โมน นั่นก็คือช่วยควบคุมอารมณ์ของเรานั่นเอง.วันนีสไมล์ ไมเกรน จะพาชาวไมเกรนมาทำความรู้จักกับ “ฮอร์โมนความสุข” กันดีกว่า&nbsp;และเราจะมาดูกันว่า ฮอร์โมนแต่ละตัว สามารถช่วยเรื่องอะไรกันบ้าง ไปติดตามกัน&nbsp;.ตัวฮอร์โมนแห่งความสุข จะมีหลักๆ อยู่ทั้งหมด 4 ตัว&nbsp;1) Dopamine (โดปามีน) หรือที่รู้จักกันว่าเป็น “ฮอร์โมนฟีลกู๊ด” โดยโดปามีนนี้ เป็นสารสื่อประสาทที่ถูกหลั่งมาจากไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมอารมณ์และความรู้สึก&nbsp;โดยเฉพาะอารมณ์พึงพอใจ ความปิติยินดี หรือแม้กระทั่งจะหลั่งมาในช่วงเวลาที่เราทำกิจกรรมที่ชอบจากการทดลองในหนู พบว่า เมื่อทำให้หนูเกิดความพึงพอใจ ระดับของโดปามีนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ&nbsp; ซึ่งในขณะที่โดปามีนถูกหลั่งออกมาจากสมอง จะทำให้เกิดความสุข เรียกว่า reward circuitหรือ ทางการแพทย์ เราจะเรียกว่า ระบบการให้รางวัลของสมองหากถูกกระตุ้นด้วยพฤติกรรมเดิมซ้ำ ๆ ก็จะหลั่งโดปามีนออกมาตามปกติ&nbsp; แต่หากไม่ถูกกระตุ้นหรือทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่กิจกรรมเดิม สารโดปามีนก็จะหยุดทำงาน ทำให้รู้สึกหงุดหงิด โมโหหรือเซื่องซึมและถ้าสารโดปามีนในร่างกายของคนเรา ลดระดับต่ำลงมากจนเกินไป จะทำให้รู้สึกหดหู่และเสี่ยงต่อการเกิดซึมเศร้าได้2) Serotonin (เซโรโทนิน) ตัวนี้คือตัวสำคัญ ในเรื่องของการปรับสมดุลความรู้สึก เป็นสารสื่อประสาทที่จะส่งผลต่อกระบวนการคิด พฤติกรรม และอารมณ์ หากมีในปริมาณที่สมดุลก็จะทำให้สุขภาพจิตดี อารมณ์ดี มีสมาธิ ช่วยให้คิดและตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น&nbsp;รวมทั้งยังช่วยให้มีความสุขหรือรู้สึกดีได้ง่ายขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นโดยสิ่งที่ชอบหรือพึงพอใจ แต่ถ้ามีในระดับที่ต่ำกว่าปกติเป็นเวลานานอาจส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคเครียด หรือสมาธิสั้นได้3) Oxytocin (ออฟซิโตซิน) หรือที่เรารู้จักกันว่าเป็น “ฮอร์โมนแห่งความรัก” ชื่อก็บอกอยู่แล้วเนอะว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก มักจะหลั่งมาตอนที่ผู้หญิงคลอดลูก การให้นมลูกให้มีน้ำนมที่เพียงพอต่อลูก เป็นสารสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแม่และลูก&nbsp;&nbsp;แต่หากเป็นสาวๆ ที่มีแฟนหรือคนรัก ฮอร์โมนตัวนี้ก็เหมือนฮอร์โมนคลั่งรัก ที่จะรู้สึกดีทุกครั้งที่มีการกอด การสัมผัส หรือเราเรียกว่า skinship นั่นเอง4) Endorphins (เอ็นดอร์ฟิน) เป็นฮอร์โมนที่มักจะหลั่งออกมาหลังจากออกกำลังกายและทำกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งช่วยให้รู้สึกดีหรือสบายตัว&nbsp;แต่โดยพื้นฐานรากศัพท์แล้ว เอ็นโดรฟิน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยบรรเทาอาการปวดตามธรรมชาติที่ผลิตจากภายในร่างกาย ที่มาจากคำว่า Endogenous ที่หมายความว่า จากภายในร่างกาย และคำว่า Morphine ที่หมายถึงสารบรรเทาอาการปวดนั้นเอง เป็นฮอร์โมนที่ถูกปล่อยมากจากระบบประสาทส่วนกลางและต่อมใต้สมอง เพื่อตอบสนองต่อความเจ็บปวดหรือความเครียด&nbsp;จึงทำให้เมื่อ เอ็นโดรฟินหลั่งทำให้รู้สึกมีความสุข เคลิบเคลิ้ม อิ่มอกอิ่มใจ คลายเครียด ทำให้อยากอาหารมากขึ้น ช่วยหลั่งฮอร์โมนเพศ และเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันนั่นเอง.สไมล์ ไมเกรน ได้รวมรวมและขอแชร์ทริคการเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุขด้วยตัวเอง แบบฉบับง่ายๆ สามารถทำได้ทุกวันกัน<ul><li>ออกกำลังกายเป็นประจำ ประมาณ 20-30 นาทีต่อวันขึ้นไป</li><li>หาเวลาทำกิจกรรมหรือสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นประจำ</li><li>ให้ความสำคัญในการทานอาหารในแต่ละมื้อ ควรที่จะทานให้ครบ 5 หมู่ เพราะฮอร์โมนบางตัวถูกสังเคราะห์มาจากโปรตีน</li><li>แสดงความรักกับคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส การกอด</li><li>นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ</li><li>รู้เท่าทันความเครียด และหาวิธีจัดการในแบบฉบับของเรา</li><li>ทำให้วงจรการนอนหลับของร่างกาย มีประสิทธิภาพ</li><li>ฮีลใจตัวเองด้วยสัตว์เลี้ยง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขามักจะอยู่ในทุกช่วงอารมณ์ของเรา ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ดีใจหรือเสียใจ มีนักวิทยาศาสตร์ ได้บอกไว้ว่า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง สามารถช่วยให้ร่างกายของคนเราสร้างสาร oxytocin&nbsp; (ออฟซิโตซิน) ออกมา ซึ่งเป็นสารที่สร้างออกมาเช่นเดียวกับเวลาที่มารดาคลอดบุตร&nbsp;</li></ul>จะเห็นได้ว่าฮอร์โมนความสุขนี้ เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติตามกลไกของร่างกาย และเราสามารถออกแบบเองได้ ไม่ได้มีสุตรสำเร็จตายตัว เรามีหน้าที่ทำให้ฮอร์โมนแห่งความสุขนี้สมดุล ไม่มากเกินไป หรือไม่น้อยเกินไป เพียงเท่านี้ หัวใจเราก็จะพองโตแล้ว :) &nbsp;&nbsp;

เวลาคนเรามีความสุข ร่างกายจะเกิดการหลั่งสารเคมี หรือที่เราเรียกว่า “ฮอร์โมน” ของความสุขอยู่ ซึ่งหลักๆจะมี 4 ตัว ได้แก่ 1) Dopamine (โดปามีน) 2) Serotonin (เซโรโทนิน) 3) Oxytocin (ออฟซิโตซิน) 4) Endorphins (เอ็นดอร์ฟิน)   

Happy Hormone “ฮอร์โมนแห่งความสุข”

<h1>การปรึกษานักจิตวิทยาช่วยอะไรเราได้บ้าง?&nbsp; &nbsp;</h1>&nbsp;หลายคนอาจจะสงสัยว่านักจิตวิทยาคุยเรื่องอะไรบ้าง หรือการไปปรึกษานักจิตฯ จะช่วยยังไงได้? จริงๆ แล้วประเด็นที่คุยกับนักจิตวิทยานั้นมีหลากหลายมาก ไม่ใช่แค่เรื่อง "เครียด" อย่างเดียวเคยรู้สึกว่าชีวิตกำลังติดอยู่ในวังวนของปัญหาที่แก้ไม่ตก? บางครั้งเราอาจต้องการคนที่เข้าใจและพร้อมรับฟังอย่างลึกซึ้ง นั่นคือเหตุผลที่นักจิตวิทยามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้คนให้ก้าวผ่านอุปสรรคในชีวิต มาดูกันว่าการปรึกษานักจิตวิทยาจะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง&nbsp;&nbsp;<h3>1. ปัญหาความเครียด</h3>"ศัตรูตัวร้ายของสุขภาพกายและใจ"ในช่วงที่คุณต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน เช่น งานหนัก ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น หรือมีปัญหาทางการเงิน ความเครียดไม่เพียงแต่ทำให้คุณรู้สึกอ่อนล้าและหมดพลังใจ แต่ยังส่งผลให้ร่างกายมีการหลั่งสารเคมีที่กระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบได้บ่อยขึ้น ดังนั้น การปรึกษานักจิตวิทยาจะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสที่ไมเกรนจะกำเริบได้อีกในอนาคต&nbsp;&nbsp;<h3>2. ปัญหาการนอนหลับ</h3>"กุญแจสู่ชีวิตที่สร้างความสมดุล"การนอนไม่หลับหรือคุณภาพการนอนที่ไม่ดีอาจเกิดจากความเครียดหรือความกังวลที่สะสมในชีวิตประจำวัน และในผู้ป่วยไมเกรน การนอนที่ไม่ดีอาจทำให้อาการไมเกรนรุนแรงขึ้น ดังนั้น การปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อจัดการกับปัญหาการนอนจะช่วยให้คุณกลับมานอนหลับสนิทได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;<h3>3. ภาวะหมดไฟ</h3>"เติมพลังให้ชีวิตกลับมาสดใส"ใครที่รู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรง นักจิตวิทยาสามารถช่วยให้คุณค้นพบวิธีการฟื้นฟูแรงบันดาลใจในชีวิตได้อีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;<h3>4. ปัญหาความสัมพันธ์</h3>"สร้างสะพานเชื่อมใจ"ไม่ว่าจะเป็นปัญหากับเพื่อน ครอบครัว หรือคู่รัก การได้คุยกับนักจิตวิทยาจะช่วยให้คุณมองเห็นปัญหามุมใหม่ และหาวิธีแก้ไขได้แบบสร้างสรรค์&nbsp;&nbsp;<h3>5. ภาวะซึมเศร้า</h3>"เส้นทางสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์"หลายคนที่ประสบภาวะซึมเศร้า มักพบว่าอาการปวดหัวหรือไมเกรนเกิดขึ้นบ่อยขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการซึมเศร้าทำให้ร่างกายและสมองมีความอ่อนแอทางอารมณ์และทางร่างกาย การปรึกษานักจิตวิทยาช่วยให้คุณหาวิธีรับมือกับภาวะซึมเศร้า และลดผลกระทบต่ออาการไมเกรนได้ การพูดคุยและการบำบัดที่ถูกวิธีสามารถฟื้นฟูสุขภาพจิตให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;<h3>6. วิตกกังวลและภาวะแพนิค</h3>"เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างสงบ"ความวิตกกังวลทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่ส่งผลต่อระบบประสาทและสมอง ซึ่งในที่สุดก็อาจทำให้เกิดไมเกรนหรืออาการปวดหัวที่รุนแรงขึ้น &nbsp;การปรึกษานักจิตวิทยาจะช่วยให้คุณจัดการกับความวิตกกังวลและภาวะแพนิคได้ดีขึ้น โดยการเรียนรู้วิธีผ่อนคลายและควบคุมความรู้สึกเหล่านี้ &nbsp;&nbsp;<h2>ปรึกษานักจิตวิทยา กับ Smile Migraine</h2>ไม่ต้องเดินทาง ประหยัดเวลา สะดวกสบาย และเป็นส่วนตัว&nbsp;การปรึกษาออนไลน์คือทางเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ 📱พูดคุยกับนักจิตวิทยา ผ่าน Line @sm-clinic หรือคลิก <a href="https://lin.ee/adUjnTQ?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR1-T32D-Shfdmiik5R-PSEOgbk2_JnPRe9XDOCRuDhL5M3cpVEm11AdBtw_aem_wfwHfqqm1N19uCWJuQLr4g">https://lin.ee/adUjnTQ</a> ค่าบริการเริ่มต้น 500 บาท/30นาที ปรึกษาได้ในเวลาที่คุณสะดวก 🗓️ วัน จ-ศ เวลา 17:00-20:00 น. 🗓️ วันส &nbsp; &nbsp; เวลา 18:00-20:00 น. 🗓️ วันอา &nbsp; เวลา 14:00-14:30 น. &nbsp;

การปรึกษานักจิตวิทยาช่วยอะไรเราได้บ้าง

ปรึกษานักจิตวิทยา ช่วยอะไรได้บ้าง - Smile Migraine

เข้าใจผลกระทบของไมเกรนต่อสุขภาพจิตและโรคร่วมที่เกี่ยวข้อง พร้อมแนวทางการดูแลและจัดการเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและส่งเสริมสุขภาพใจและกาย

ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของไมเกรนต่อสุขภาพจิตและโรคร่วมต่างๆ เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล พร้อมแนะแนวทางการดูแลที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มคุณภาพชีวิต เรียนรู้วิธีจัดการกับไมเกรนอย่างมีประสิทธิภาพจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจและมีสุขภาพดี ทั้งกายและใจ

รับข่าวสาร หรือวิธีรับมือไมเกรน ใหม่ทุกสัปดาห์

รับข่าวสาร
หรือวิธีรับมือไมเกรน ใหม่ทุกสัปดาห์